- ทุกวันนี้การเอาตัวเองไปยืนยันว่าเป็นตัวจริง อาจกำลังน่าเชื่อถือน้อยกว่าการมีสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเสียอีก ที่เป็นแบบนั้นอาจเป็นเพราะแนวคิดการระบุตัวตนอยู่บนพื้นฐาน “บุคคล+ข้อมูลส่วนตัว=ตัวจริง” ประกอบกับปัจจุบันผู้คนเก็บบันทึกข้อมูลส่วนตัวสำคัญๆ อยู่ในโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ทำให้การมีอุปกรณ์อยู่กับตัวเองจึงมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
เพื่อให้เกิดความชัดเจนของแนวคิดเบื้องหลังการยืนยันตัวตนนี้ วันนี้เรามาพิจารณาองค์ประกอบกันครับ
- มีอุปกรณ์ = เป็นตัวจริง- องค์ประกอบแรกของแนวคิดการยืนยันตัวตนคือ บุคคลย่อมมีหรือใช้อุปกรณ์ติดตัวตลอดเวลา ในที่นี้หมายถึงโทรศัพท์สมาร์โฟนที่เราใช้กันเป็นปกติ ฉะนั้นคนที่มีอุปกรณ์ซึ่งมีรหัสจำเพาะเครื่องอยู่ในระบบ ก็เท่ากับว่ามีตัวตนอยู่จริง
- เข้าบัญชีได้ = เป็นตัวจริง- ส่วนที่สองคือการ “เข้าใช้งาน” ตั้งแต่การปลดล๊อครหัสเครื่อง ไปจนถึงเข้าบัญชีออนไลน์ได้ การรู้รหัสและสามารถเข้าบัญชีต่างๆ ถือเป็นข้อมูลที่ยืนยันว่าบุคคลนั้น เป็นเจ้าของจริงๆ
- บัญชีสำคัญอยู่ในอุปกรณ์– ส่วนสุดท้ายคือ “บัญชีสำคัญ” กับข้อมูลสำคัญๆ ของเรามักถูกเก็บอยู่ในโทรศัพท์ ฉะนั้นเมื่อไล่เรียงจากการมีอุกรณ์+ปลดล๊อคได้+เข้าบัญชีได้ จึงหมายความว่าบุคคลนั้นมีตัวตน เป็นตัวจริง
อนาคตอันใกล้ ระบบการยืนยันตัวตนและระบบความปลอดภัยกำลังพัฒนาให้เราได้ทดลองใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าข้อมูลส่วนตัวที่ใช้สำหรับยืนยันตัวตนก็ยิ่งมีความสำคัญ และเปราะบางมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
แค่ลองนึกถึงข่าวมิจฉาชีพที่หลอกลวงเอาข้อมูลแล้วฉกชิงทรัพย์สินไปจำนวนมากก็น่าจะพอเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลได้แล้ว
ยิ่งข้อมูลทุกอย่างอยู่ในสมาร์ทโฟน ชีวิตของเรายิ่งข้องผูกติดกับการใช้งานมัน ทักษะความรู้เรื่องการจัดการข้อมูลส่วนตัวอย่างเป็นระบบจะกลายเป็นพื้นฐานที่เราต้องฝึกฝนตั้งแต่เด็ก ๆ อาจะไม่ต้องพูดถึงอนาคตอันใกล้ แต่เป็นตอนนี้ และเดี๋ยวนี้